ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วิธีการให้น้ำสำหรับพืชสวนประดับ

วิธีการให้น้ำกับพืชพรรณสามารถทำได้หลายวิธี การเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ลักษณะของพืช ลักษณะของพื้นที่ วิธีการเพาะปลูกพืช ชนิดของพืชปลูก ตลอดจนต้นทุนของแหล่งน้ำที่จะนำมาใช้ เป็นต้น วิธีการให้น้ำที่นิยมใช้ในกาปลูกพืชมีอยู่ 5 วิธีคือ


1. การให้น้ำทางผิวดิน (surface irrigation) เป็นวิธีการให้น้ำที่เก่าแก่ที่สุด โดยจะทำให้น้ำขังหรือไหลไปบนผิวดินและปล่อยให้น้ำซึมผ่านบริเวณดังกล่าวเพื่อเก็บความชื้นให้กับพืชพรรณ ตัวอย่างการให้น้ำวิธีนี้เช่น การขังน้ำในแปลงนา การให้น้ำแบบเป็นร่องในแปลงปลูกพืชไร่ เป็นต้น วิธีการนี้จะลงทุนน้อยแต่มี
การสิ้นเปลืองน้ำมากที่สุด ดังแสดงในภาพ


2. การให้น้ำทางใต้ดิน (subsurface irrigation) วิธีการนี้มีการพัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่งแต่มีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ โดยเป็นการยกระดับของน้ำใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่ที่ระดับของรากพืช ตัวอย่างการให้น้ำวิธีนี้เช่น การขุดร่องสวนของไม้ผล เป็นต้น ดังภาพ


3. การให้น้ำแบบฉีดฝอย (sprinkle irrgation) เป็นการให้น้ำกับพืชโดยน้ำจะถูกสูบขึ่นมาจากแหล่งน้ำด้วยแรงดันที่สูงผ่านระบบท่อไปยังแปลงปลูกและพ่นออกมาเป็นฝอยทางหัวฉีด หรือตามรูที่ได้เจาะไว้ ขึ้นไปในอากาศแล้วหล่นลงมาบนแปลงปลูก การให้น้ำในลักษณะนี้จะคล้ายกับฝนตกในบางครั้งอาจเรียกระบบนี้ว่า “การให้น้ำแบบฝนโปรย” ระบบนี้จะมีประสิทธิภาพประมาณร้อยละ 75-80 อย่างไรก็ตามระบบนี้จะมีการลงทุนในครั้งแรกค่อนข้างสูง ตัวอย่างเช่น การให้น้ำในสนามกอล์ฟ การให้น้ำทางพืชไร่เป็นแปลงใหญ่ เป็นต้น ดังแสดงในภาพ
4. การให้น้ำแบบน้ำหยด (drip irrigation) ระบบนี้เป็นการให้น้ำด้วยแรงดันที่ต่ำโดยให้น้ำออกมาทีละน้อย ๆ โดยรักษาระดับความชื้นให้อยู่ที่ระดับความชื้นสนามตลอดเวลา เพื่อให้พืชนำน้ำไปใช้ได้สะดวก ดังแสดงในภาพ


5. การให้น้ำแบบประหยัด (micro irrigation) มีหลักการให้น้ำแบบเฉพาะจุดโดยให้น้ำน้อย ๆ แต่บ่อยครั้งด้วยอัตราการให้ที่ต่ำ และไม่ครบคลุมเขตรากทั้งหมด แต่จะอาศัยคุณสมบัติของดินช่วยในการแพร่กระจายน้ำออกไปรอบข้าง ทำให้ระบบนี้ไม่มีการซ้อนทับของวงเปียกเหมือนกับระบบฉีดฝอย ดังภาพ
















































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น